|
|
ศาสนาพราหมณ์เกิดในประเทศอินเดียประมาณกว่า 1,000 ปีก่อนพุทธศาสนา ทั้งยังมีบันทึกว่าพระพุทธเจ้าครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้เรียนรู้คำสอนของศาสนาพราหมณ์จากอาจารย์อาฬาระดาบสและอุททกะดาบสจนจบไตรเพท ศาสนาพุทธจึงมีความผูกพันธ์กับศาสนาพราหมณ์อย่างลึกซึ่งแต่กาลก่อนมา
มีความเชื่อว่าในจักรวาลนี้ ถูกปกครองด้วยเทพเจ้าตรีมูรติอันเป็นเทพเจ้าสูงสุด ซึ่งพระองค์ก็ได้แบ่งภาคเป็นมหาเทพ 3 องค์ เพื่อทำหน้าที่ต่างกันสามประการ คือ
- พระพรหม: เป็นผู้สร้างโลกและจักรวาล รวมทั้งให้กำเนิดสรรพชีวิตต่างๆ
- พระวิษณุ (พระนารายณ์): เป็นผู้คอยปกป้องดูแลและรักษาโลก
- พระศิวะ (พระอิศวร): เป็นเทพแห่งการทำลายล้าง จะให้พรแก่ผู้ทำดี แต่ก็ให้ความวิบัติแก่ผู้ประพฤติชั่วเช่นกัน
|
|
|
|
พระศิวะทรงมีพระมเหสีนามว่าพระแม่อุมาเทวี (หรือ พระนางปราวดี) ทั้งสองพระองค์ทรงสถิตอยู่ในวิมานใหญ่บนเขาไกรลาศ |
|
กระทั่งวันหนึ่ง พระศิวะต้องออกเดินทางไปบำเพ็ญสมาธิเป็นระยะเวลานาน พระแม่อุมาเทวีเลยเกิดความเหงาเนื่องจากต้องอยู่เพียงลำพัง เลยคิดอยากจะมีพระโอรสสักคนไว้เป็นเพื่อนและคอยดูแลพระนางยามที่พระศิวะไม่อยู่ |
|
จึงปั้นดินเหนียวขึ้นเป็นรูปคน แล้วใช้พระเวทเสกให้กลายเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม แล้วทรง ประทานพระนามให้ว่า “พระพิฆเนศ” และทรงมอบหน้าที่สำคัญให้เป็นผู้ดูแลประตูทางเข้าพระตำหนัก ป้องกันไม่ให้คนภายนอกไปรบกวนพระนาง |
|
พระพิฆเนศ ทรง ได้รับการดูแลและสอนสั่งจากพระแม่อุมาเทวีอย่างใกล้ชิด จึงมีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ในทุกด้าน รวมทั้งมีความองอาจ กล้าหาญ และมีอิทธิฤทธิ์มากจนจะหาเทพใดเสมอเหมือนได้ในสามโลก มีความอ่อนน้อมและกตัญญูต่อองค์พระมารดา พระองค์จึงเป็นที่รักยิ่งของพระแม่อุมาเทวี |
|
แต่ครั้นพระศิวะเดินทางกลับจากการบำเพ็ญสมาธิ เมื่อมาถึงหน้าพระตำหนัก พระพิฆเนศซึ่งไม่รู้ว่าพระศิวะเป็นใคร จึงประกาศกร้าวไม่ให้พระศิวะล่วงล้ำเข้าไปในพระตำหนัก เพื่อมิให้เป็นการรบกวนพระแม่อุมาเทวีที่กำลังสรงน้ำอยู่ ส่วนพระศิวะซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพระพิฆเนศเป็นพระโอรสของพระนางอุมาเทวี จึงตวาดกลับให้เด็กหนุ่มจงหลีกไปเสีย แต่พระพิฆเนศก็ยังยืนยันที่จะไม่ให้พระศิวะเข้าไป เพราะตนต้องรักษาหน้าที่ของพระองค์ที่พระมารดามอบหมายให้ปกป้องตำหนักไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนพระนาง |
|
|
|
|
พระศิวะเมื่อถูกขัดใจ จึงทรงพิโรธ จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรง สั่นสะเทือนถึงสามโลก แม้เทพเทวดาองค์อื่นก็ไม่กล้าเข้ามาห้ามศึก แต่ในที่สุด พระพิฆเนศก็ได้พ่ายแพ้ต่อองค์ศิวะ และพระเศียรก็ถูกตรีศูลของพระศิวะตัดขาดหายไป |
|
เมื่อพระนางอุมาเทวีได้ยินเสียงการต่อสู้ที่รุนแรง จึงรีบเสด็จออกมาดู แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว พระนางแทบสิ้นสติเมื่อทอดพระเนตรเห็นร่างของพระโอรสนอนทอดกายอยู่บนพื้นอย่างไร้พระเศียร
พระนางจึงตัดพ้อต่อว่าทำไมพระศิวะถึงโหดร้ายจนประหารพระโอรสองค์น้อยของพระองค์ได้ลงคอ ทั้งๆที่พระโอรสเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีความผิดอันใดเลย เพียงแต่ปฎิบัติตามคำบัญชาของพระมารดาให้เฝ้าประตูพระตำหนัก |
|
องค์พระศิวะจึงรู้สึกเสียพระทัยเมื่อรู้ภายหลังว่าเด็กหนุ่มเป็นพระโอรสของพระองค์เช่นกัน จึงรับปากพระเทวีว่าจะชุบชีวิตให้พระโอรส แต่เนื่องจากพระเศียรหายไป และใกล้จะถึงเวลาเช้าแล้ว การชุบชีวิตต้องกระทำก่อนแสงพระอาทิตย์ขึ้น พระศิวะจึงมีพระบัญชาให้เทพผู้ติดตามรีบเร่งเดินทางไปทางทิศเหนือ เมื่อเจอสิ่งมีชีวิตใดเป็นชีวิตแรก ก็ให้รีบตัดศรีษะมา |
|
|
|
|
|
ไม่นานนัก เทพผู้ติดตามก็ได้กลับมาพร้อมกับศรีษะของช้างน้อย พระศิวะจึงนำมาต่อกับร่างของพระโอรสแล้วชุบชีวิตให้ใหม่
พระโอรสจึงฟื้นชีวิตมาอีกครั้ง พระโอรสจึงขอประทานอภัยพระบิดาในความไม่รู้ของตน และคอยถวายงานดูแลพระศิวะและพระแม่อุมาเทวีด้วยความกตัญญูเสมอมา จนเป็นที่รักยิ่งของทั้งสองพระองค์
|
|
สนใจบูชา พระพิฆเนศทวีทรัพย์พันล้าน ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก (ปางดั๊กดูเศรษฐ์)
พิฆเนศวร.com
Line : @pikanesuan (ใส่@ด้านหน้าด้วย)
Tel ; 084-147-4616, 089-762-3334
|
|