ตำนานพระพิฆเนศ


 
     ในจักรวาลนี้ปกครองด้วยเทพเจ้าตรีมูรติอันเป็นเทพเจ้าสูงสุด ซึ่งพระองค์ก็ได้แบ่งภาคเป็น 3 องค์ เพื่อทำหน้าที่ต่างกันสามประการ คือ พระพรหม พระวิษณุ (พระนารายณ์) และพระศิวะ (พระอิศวร)
 
พระพิฆเนศ หรือ พระพิฆเนศวร ทรงเป็นบุตรของพระศิวะผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของมหาเทพสูงสุดแห่งจักรวาลและมเหสีนามว่าพระแม่อุมาเทวี เทวีแห่งความเมตตา
 
พระองค์มีรูปลักษณ์ที่ต่างจากเทพอื่นๆ มีเศียรเป็นช้าง ลำตัวเป็นคน มีหลายพระหัตถ์ ในมือถือสิ่งของมงคลต่างชนิด
 
พระองค์ทรงเป็นเทพที่ทรงอิทธิฤทธิ์มากจนแทบจะมีเทพใดเสมอเหมือนในสามโลก และด้วยความเฉลียวฉลาด กล้าหาญ และกตัญญูขององค์พระพิฆเนศ พระองค์จึงเป็นที่รักยิ่งของทั้งพระศิวะและพระแม่อุมาเทวี จนพระองค์กลายเป็นสัญลักษณ์ของความกตัญญูของบุตรที่มีต่อมารดา 
 
ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงได้รับพรจากองค์วิษณุ ให้ถือพระพิฆเนศเป็นองค์ปฐมเทพในการบูชา หรือเป็นเทพที่ต้องได้รับการกราบไหว้บูชาเป็นองค์แรกก่อนที่จะไปกราบไหว้บูชาเทพองค์อืนๆในเทวาลัย มิฉะนั้นการบูชานั้นจะไม่สัมฤทธิ์ผลอย่างแท้จริง
 

กำเนิดพระพิฆเนศ


    

ศาสนาพราหมณ์เกิดในประเทศอินเดียประมาณกว่า 1,000 ปีก่อนพุทธศาสนา ทั้งยังมีบันทึกว่าพระพุทธเจ้าครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้เรียนรู้คำสอนของศาสนาพราหมณ์จากอาจารย์อาฬาระดาบสและอุททกะดาบสจนจบไตรเพท ศาสนาพุทธจึงมีความผูกพันธ์กับศาสนาพราหมณ์อย่างลึกซึ่งแต่กาลก่อนมา

     มีความเชื่อว่าในจักรวาลนี้ ถูกปกครองด้วยเทพเจ้าตรีมูรติอันเป็นเทพเจ้าสูงสุด ซึ่งพระองค์ก็ได้แบ่งภาคเป็นมหาเทพ 3 องค์ เพื่อทำหน้าที่ต่างกันสามประการ คือ
 

  • พระพรหม:  เป็นผู้สร้างโลกและจักรวาล รวมทั้งให้กำเนิดสรรพชีวิตต่างๆ
     
  • พระวิษณุ (พระนารายณ์): เป็นผู้คอยปกป้องดูแลและรักษาโลก
     
  • พระศิวะ (พระอิศวร): เป็นเทพแห่งการทำลายล้าง จะให้พรแก่ผู้ทำดี แต่ก็ให้ความวิบัติแก่ผู้ประพฤติชั่วเช่นกัน
     พระศิวะทรงมีพระมเหสีนามว่าพระแม่อุมาเทวี (หรือ พระนางปราวดี)  ทั้งสองพระองค์ทรงสถิตอยู่ในวิมานใหญ่บนเขาไกรลาศ
     กระทั่งวันหนึ่ง พระศิวะต้องออกเดินทางไปบำเพ็ญสมาธิเป็นระยะเวลานาน พระแม่อุมาเทวีเลยเกิดความเหงาเนื่องจากต้องอยู่เพียงลำพัง เลยคิดอยากจะมีพระโอรสสักคนไว้เป็นเพื่อนและคอยดูแลพระนางยามที่พระศิวะไม่อยู่
 
     จึงปั้นดินเหนียวขึ้นเป็นรูปคน แล้วใช้พระเวทเสกให้กลายเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม แล้วทรง ประทานพระนามให้ว่า “พระพิฆเนศ” และทรงมอบหน้าที่สำคัญให้เป็นผู้ดูแลประตูทางเข้าพระตำหนัก ป้องกันไม่ให้คนภายนอกไปรบกวนพระนาง
 
     พระพิฆเนศ ทรง ได้รับการดูแลและสอนสั่งจากพระแม่อุมาเทวีอย่างใกล้ชิด จึงมีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ในทุกด้าน รวมทั้งมีความองอาจ กล้าหาญ และมีอิทธิฤทธิ์มากจนจะหาเทพใดเสมอเหมือนได้ในสามโลก มีความอ่อนน้อมและกตัญญูต่อองค์พระมารดา พระองค์จึงเป็นที่รักยิ่งของพระแม่อุมาเทวี
 
     แต่ครั้นพระศิวะเดินทางกลับจากการบำเพ็ญสมาธิ เมื่อมาถึงหน้าพระตำหนัก พระพิฆเนศซึ่งไม่รู้ว่าพระศิวะเป็นใคร จึงประกาศกร้าวไม่ให้พระศิวะล่วงล้ำเข้าไปในพระตำหนัก เพื่อมิให้เป็นการรบกวนพระแม่อุมาเทวีที่กำลังสรงน้ำอยู่ ส่วนพระศิวะซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพระพิฆเนศเป็นพระโอรสของพระนางอุมาเทวี จึงตวาดกลับให้เด็กหนุ่มจงหลีกไปเสีย แต่พระพิฆเนศก็ยังยืนยันที่จะไม่ให้พระศิวะเข้าไป เพราะตนต้องรักษาหน้าที่ของพระองค์ที่พระมารดามอบหมายให้ปกป้องตำหนักไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนพระนาง
     พระศิวะเมื่อถูกขัดใจ จึงทรงพิโรธ จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรง สั่นสะเทือนถึงสามโลก แม้เทพเทวดาองค์อื่นก็ไม่กล้าเข้ามาห้ามศึก แต่ในที่สุด พระพิฆเนศก็ได้พ่ายแพ้ต่อองค์ศิวะ และพระเศียรก็ถูกตรีศูลของพระศิวะตัดขาดหายไป
 
     เมื่อพระนางอุมาเทวีได้ยินเสียงการต่อสู้ที่รุนแรง จึงรีบเสด็จออกมาดู แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว พระนางแทบสิ้นสติเมื่อทอดพระเนตรเห็นร่างของพระโอรสนอนทอดกายอยู่บนพื้นอย่างไร้พระเศียร
 

     พระนางจึงตัดพ้อต่อว่าทำไมพระศิวะถึงโหดร้ายจนประหารพระโอรสองค์น้อยของพระองค์ได้ลงคอ ทั้งๆที่พระโอรสเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีความผิดอันใดเลย เพียงแต่ปฎิบัติตามคำบัญชาของพระมารดาให้เฝ้าประตูพระตำหนัก
     องค์พระศิวะจึงรู้สึกเสียพระทัยเมื่อรู้ภายหลังว่าเด็กหนุ่มเป็นพระโอรสของพระองค์เช่นกัน จึงรับปากพระเทวีว่าจะชุบชีวิตให้พระโอรส แต่เนื่องจากพระเศียรหายไป และใกล้จะถึงเวลาเช้าแล้ว การชุบชีวิตต้องกระทำก่อนแสงพระอาทิตย์ขึ้น พระศิวะจึงมีพระบัญชาให้เทพผู้ติดตามรีบเร่งเดินทางไปทางทิศเหนือ เมื่อเจอสิ่งมีชีวิตใดเป็นชีวิตแรก ก็ให้รีบตัดศรีษะมา
 
     ไม่นานนัก เทพผู้ติดตามก็ได้กลับมาพร้อมกับศรีษะของช้างน้อย พระศิวะจึงนำมาต่อกับร่างของพระโอรสแล้วชุบชีวิตให้ใหม่

     พระโอรสจึงฟื้นชีวิตมาอีกครั้ง พระโอรสจึงขอประทานอภัยพระบิดาในความไม่รู้ของตน และคอยถวายงานดูแลพระศิวะและพระแม่อุมาเทวีด้วยความกตัญญูเสมอมา จนเป็นที่รักยิ่งของทั้งสองพระองค์

 
 
ความหมายของสัญลักษณ์แห่งองค์พระพิฆเนศ

องค์พระพิฆเนศในปางต่างๆกัน  ท่านอาจจะได้พบเห็นสัญลักษณ์ต่างๆ  หรือสิ่งของที่แตกต่างกันในพระหัตถ์ของพระองค์  ซึ่งสัญลักษณ์แต่ละอย่างนั้น  จะให้ความหมายที่แตกต่างกันดังนี้...
 
หอยสังข์ (Sankkha, Conch)
เสียงแตรจากหอยสังข์ ให้ความสุขและเป็นสิริมงคลต่อผู้คนทั่วโลกา  (พระองค์ทรงโปรดเสียงจากหอยสังข์ เพราะคล้ายกับเสียงของโขลงช้างในป่าที่กำลังส่งเสียงร้องแปร้นๆอย่างมีความสุข)
 
   
ปฏัก (Ankusa, Goad)
ปฎัก(หรือตะบอง) เป็นอาวุธชิ้นหนึ่งของพระองค์  ช่วยให้ความกระวนกระวายหรือรุ่มร้อนในใจสงบลง มีสติ และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง
 
   
ขวาน (Parasu, Axe)
ขวานเป็นอาวุธประจำกายของพระองค์ที่พบค่อนข้างบ่อย  ใช้ทำลายอุปสรรคขวากหนามต่างๆ  รวมทั้งกำจัดศัตรูที่ชั่วร้าย
 
   
บ่วงบาศก์ (Pasha, Noose)
สำหรับผู้ที่ศรัทธาพระองค์ที่กำลังสับสนในชีวิต เดินทางกันอย่างไร้จุดหมายหรือสะเปะสะปะ พระองค์จะใช้บ่วงบาศก์คล้องผู้นั้นแล้วนำทางสู่ทางที่ถูกต้องหรือหนทางแห่งความสำเร็จ
 
   
วัชรตรีศูล (Vajratrishula, Lightening Bolt)
สายฟ้า เป็นอีกอาวุธที่ทรงฤทธานุภาพสูงสุดของพระองค์  เป็นพลังอำนาจเหนือสามโลก  ช่วยอำนวยอวยชัยด้านอำนาจและบารมี
 
   
จักรตรา (Chakra, Discus)
จักรตรา เป็นอาวุธขององค์พระพิฆเนศที่เป็นสัญลักษณ์ของทั้งพระอาทิตย์และดวงจันทร์ในหนึ่งเดียว  เปรียบเสมือนศาสตราวุธแห่งองค์วิษณุ  ช่วยป้องกันภัยอันตราย และทำลายล้างความชั่วร้ายหรือสิ่งอัปมงคลทั้งปวง
 
   
ขนมโมทากะ  (Modakapatra, Bowl of Sweets)
ขนมโมทากะ เป็นขนมหวานที่พระองค์ทรงโปรดปรานเป็นอย่างมาก แม้จำทำให้ฟันของพระองค์ผุ  ให้ความหมายถึงการหลุดพ้น
 
   
คฑา (Gada, Mace)
คฑา เป็นอาวุธที่แสดงพลังความแข็งแกร่งของพระองค์ ช่วยอำนวยให้พรแก่ผู้ที่บูชาพระองค์สามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆทั้งมวญ อย่างกล้าหาญและไม่ท้อถอย จนสำเร็จเสร็จสิ้นเป็นผลสำเร็จ  ไม่หยุดหรือเลิกไปกลางคัน
 
   
กริช (Churri, Dagger)
ชีวิตบางครั้งมีขึ้นมีลง  จนหลายครั้งเกิดความท้อใจ  กริชที่คมกริบจองพระองค์  จะช่วยจะกรีดทางเดินให้ผู้ที่บูชาพระองค์สามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้  แล้วกลับสู่หนทางที่ควรจะเป็น
 
   
สร้อยปะคำ (Rudraksha Mala, Prayer Beads)
ยามใดที่พระพิฆเนศได้เข้าเฝ้าพระศิวะ องค์พระบิดาี่ซึ่งเป็นมหาเทพสูงสุด พระองค์มักจะถือสร้อยปะคำไว้ในมือ  เพื่อรอโองการหรือคำสั่งใดๆ  ให้ความหมายถึงการสวดมนต์ต่อองค์มหาเทพรวมทั้งการเจริญสมาธิภาวนา
 
   
ศรดอกไม้  (Pushpashara, Flower Arrow)
พระองค์จะยิงศรดอกไม้ออกไป  เพื่อนำทางผู้ที่ศรัทธาสู่หนทางแห่งความสำเร็จ  อีกทั้งยังให้ความหมายถึงการสมหวังในความรัก คล้ายกับศรของของกามเทพ
 
   
หม้อน้ำอำมฤต (Amritakumbha, Pot of Nectra)
เมื่อพระองค์ได้สรงน้ำ น้ำที่ไหลผ่านพระวรกายจะไหลสู่มุลธารจักรา ช่วยชำระล้างสิ่งอัปมงคลและสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
 
   
อกบัว (Padma, Lotus)
พระองค์ปรารถนาให้ผู้ที่ศรัทธาในพระองค์เติบโตเสมือนดอกบัวผุดขึ้นเหนือโคลนตม  เหมือนหลุดจากความมืดสู่แสงสว่างแห่งปัญญา (คล้่ายกับในศาสนาพุทธ)
 
   
คันศรทำจากต้นอ้อย (Ikshukarmuka, Sugar Cane Bow)
คันศรจากต้นอ้อย  จะช่วยนำพาสติปัญญาสู่ผู้ศรัทธา
 
   
ลูกศร (Sharra, Arrow)
ลูกศรแห่งปัญญา  ช่วยนำพาผู้ที่ศรัทธาตั้งใจดำเนินชิวิตไปสู่จุดหมายอย่างมีสติ
 
   
พิณ (Vina, India Lute)
พิณ หรือเครื่องสายขชองอินเีดีย บรรเลงเพลงที่ไพเราะและงดงาม ดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จในศิลปทุกแขนง  นอกจากนี้ยังหมายถึงชื่อเสียงเกียรติยศอันขจรไกล
 
   
อสูร (Asura, Goblin)
พระองค์ทรงอยู่เหนือจอมอสูร ภูติผีปีศาจ และสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง  เปรียบเสมือนช่วยให้ผู้ศรัทธาหลุดพ้นจากความกลัวทั้งหลายทั้งปวง
 
   
ฑา (Danda, Stick)
คฑา เป็นสัญลักษณ์แห่งธรรมอำนาจ  ช่วยควบคุมให้ผู้คนปฏิบัติและประพฤติตัวดี อยู่ในศีลในธรรม
 
   
ัด (Chamara, Fly-Whisk Fan)
พระองค์จะโบกพัด เพื่อขจัดปัดเป่าอุปสรรคและภัยร้ายให้มลายหายไป เพื่อความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป
 
หยือกน้ำ (Kamandalu, Water Vessel)
เหยือกน้ำ คือสัญลักษณ์แห่งการเติมเต็ม ช่วยให้ผู้ที่ศรัทาได้รับการเติมเต็มในสิ่งที่ปรารถนา
 
   
ันศร (Dhanush, Bow)
ด้วยความเมตตาของพระองค์ พระองค์จะยิงศรไปทำลายปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่ผู้ศรัทธากำลังเผชิญ  ทำให้ทุกข์ร้อนหมดสิ้นไป
 
   
(Naga, Serpent)
แม้งูจะเป็นสัตว์ที่น่ากลัว  แต่ก็เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงของพระองค์ที่ร้อยรัดอยู่ที่พระวรกาย เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่คอยปกปักป้องกันผู้่ศรัทธาจากความชั่วร้ายทั้งปวง
 
   
วงข้าว (Shalipallava, Rice Sprig)
ข้าวคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงมนุษย์มาแต่ครั้งบรรพกาล  รวงข้าวที่พระองค์ถืออยู่ จึงเป็นการอำนวยพรให้การเกิดความสุขและความอุดมสมบูรณ์
 
   
้อน (Mudgara, Hammer)
ค้อน เป็นพลังอำนาจแห่งการสร้างสรรค์ที่ทรงได้รับจากพระวิษณุ  ช่วยสร้างสร้างสรรค์สรรพสิ่งที่ดีงามต่อโลกมนุษย์
 
   
ัมภีร์ (Shastra, Scripture)
พระองค์เป็นผู้ทรงมีสติัปัญญาเหนือสามโลก  ทรงเขียนคัมภีร์ให้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตของมนุษย์ให้ดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง
 
   
้นไม้แห่งความสมหวัง (Kalpavriksha, Wish-Fulfilling Tree)
พระองค์ัมักจะประทานกิ่งไม้แห่งความสมหวังให้ผู้ที่ศรัทธา  เพื่ออำนวยพรให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา
 
   
วานศึก (Parashvadha, Battle axe)
ขวานศึก  แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ใช้ในการต่อสู้ในสงครามใดๆ บันดาลให้เกิดชัยชนะเหนือศัตรูทั้งปวง
 
   
หาปรศุ (Mahaparashu, Large Axe)
ขวานใหญ่ แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ใช้ในการปราบอสูรและปกป้องคุ้มครองทั้งสามโลก  ช่วยอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่ที่จะเอาชนะอุปสรรคปัญหาทั้งมวญ
 
   
ตรีศูล (Trishula, Trident)
ตรีศูล แสดงถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหนือทั้งสามโลก  อำนวยพรให้มีอำนาจและบารมีเหนือผู้ใด
 
   
มะพร้าว (Narikela, Coconut)
มะพร้าวเป็นสัญลักษณ์ของอัตตา  เหมือนกับเปลือกที่แข้งแต่ข้างในนุ่มนวลหอมหวาน  พระองค์ชี้นำให้ผู้คนรู้จักลดอัตตาของตัวเองลงบ้าง  อย่ายึดมั่นในตัวตนของตนเองมากเกินไป 
 
   
งชัย (Dhvaja, Flag)
ธงชัยเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ โบกสะบัดอย่างสง่างามยามต้องลม  แสดงถึงความสุขที่สมปรารถนา
 
   
าหัก (Bhagnadanta, Broken Tusk)
มีตำนานโบราณหนึ่งที่กล่าวว่า  เมื่อพระฤาษีวยาสแต่่งคัมภีร์มหาภารตะ เขียนลื่นไหลจนหาคนเขียนไม่ทัน  พระพิฆเนศทรงอาสาและเสียสละงาข้างหนึ่งของพระองค์แล้วนำไปเขียนคัมภีร์เล่นนี้จนเสร็จ  เป็นการย้ำเตือนให้มนุษย์รู้จักมีมานะอดทน  ทำการใดๆแล้ว  ต้องตั้งใจทำจนสำเร็จ
   
ขอสับช้าง (Pashanadarana, Pick Axe)
ขอสับช้างเป็นเครื่องมือที่ใ้ช้ควบคุมกิเลสของมนุษย์  ให้ดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ถูกที่ควร รวมทั้งเป็นอาวุธช่วยขจัดอุปสรรคขวากหนามอีกด้วย
 
   
ไฟ (Agni, Fire)
ไฟ ช่วยชำระล้างบาบหรือสิ่งอัปมงคลออกจากตัวเรา  ทำให้ร่างกายและจิตใจของเราบริสุทธิ์
 
   
ดา่บ (Khadga, Sword)
พระองค์จะแกว่งดาบ เพื่อทำให้ศัตรูกลัว และได้มาซึ่งชัยชนะและความสำเร็จในที่สุด
 
   
ลไม้ (Phala, Fruits)
พระองค์ทรงโปรดปรานผลไม้นานาชนิดเป็นอย่างมาก  อีกทั้งยังประทานให้กับผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่เื่พื่อความแข็งแรงและมีสุขภาพที่ีดี  รวมถึงอำนวยพรให้เกิดความอุดมสมบูรณ์
 
   
หัวไชเท้า (Mulaka, Radish)
หัวไชเท้าเป็นผักพื้นบ้านที่ปลูกง่ายๆ  พระองค์ทรงเน้นถึงการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและพอเพียง
 
   
โล่ (Khetaka, Shield)
พระองค์ทรงใช้โล่เพื่อป้องกันและปกป้องรักษาผู้ที่ศรัทธาในพระองค์  นำมาแต่ความสงบสุขแห่งชีวิต
 
   
ะม่วง (Amra, Mango)
มะม่วงเป็นผลไม้ที่พระองค์ได้รับจากพระบิดา องค์มหาเทพศิวะ  หลังจากที่ได้บรรลุโมกษะ (การหลุดพ้น)  มะม่วงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จเมื่อบรรลุถึงจุดหมาย
 
   
วงตามที่สาม (Tritiyakshi, Third Eye)
พระพิฆเนศในบางปรางจะมีตาที่สามอยู่บนพระนลาฏ  แสดงถึงความสามารถแห่งจิตวิญญาณในการมองความจริงได้ลึกซึ้งกว่าธรรมดา
 
   
ถอัญมณี (Ratanakumbha, Pot of Gems)
อัญมณีแต่ละชนิด มีสีสันที่แตกต่างกัน เสมือนจิตวิญญาณที่แตกต่างกันของมนุษย์แต่ละบุคคล 
 
   
มล็ดข้าว (Garitra, Grains)
ข้าวเป็นอาหารพื้นฐานที่เลี้ยงดูผู้คนทั่วโลก  พระองค์จะ่ช่วยดลบันดาลให้พืชผลออกดอกผลงดงามและอุดมสมบูรณ์
 
   
้นอ้อย (Ikshukanda, Sugar Cane)
พระองค์ทรงโปรดของหวานทุกชนิด  โดยเฉพาะน้ำหวานจากอ้อย  พระองค์จะทรงโปรดปรานเป็นพิเศษ  อำนวยพรให้ชีวิตสดชื่นและมีความสุขสันต์
 
   
ถน้ำผึ้ง (Madhukumbha, Pot of Honey)
พระองค์จะทรงแย้มพระสรวลเล็กๆเสมอเมื่อได้ลิ้มรสความหวานของน้ำผึ้ง  พระองค์มักประทานให้ผู้ที่ศรัทธาเป็นรางวัลเพื่อตอบแทนความอุตสาหะพยายามของบุคคลผู้ซึ่งไม่ย่อท้อต่อความลำบากยากเข็นใดๆในชีวิต
 
   
ล้วย (Kadaliphala, Banana)
กล้วยเป็นอีกผลไม้หนึ่งที่พระองค์ทรงโปรดปรานเป็นอย่่างมาก  พระองค์มักจะถือมันไว้แล้วทอดพระเนตรถึงความอุดมของมัน  และปรารถนาให้ผู้ที่ศรัทธาพระองค์ได้รับความหอมหวานจากกล้วยนั้นเช่นกัน
 
   
ม้เท้า (Yogadanda, Meditation Staff)
ยามใดที่พระองค์ต้องการนั่งสมาุิธิ  พระองค์มักจะพักแขนไว้บนไม้เท้าสั้นๆ  สิ่งนี้จะช่วยให้พระองค์สามารถผ่อนคลายและเข้าสู่การนั่งสมาธิที่ล้ำลึกได้ง่ายขึ้น
 
   
อหญ้า (Trina, Grasses)
พระองค์ทรงเห็นความสำคัญของสิ่งมีชิีวิตเล็กๆทีมีต่อโลก  พระองค์จะทรงปกป้องสิ่งมีชีวิตทุกชนิด  ไม่ว่าจะเป็น  กอหญ้า  ดอกไม้  หรือพืชพันธุ์ใดๆ  ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นและสันติสุข
 
   
นางาดำ (Tila Gola, Sesame Ball)
พระองค์ทรงสอนไม่ให้ดูถูกหรือมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อย  งาดำแม้จะมีขนาดเล็กๆ  แต่เมื่อนำมารวมกัน ก็สามารถสร้างสรรค์เป็นขนมอร่อยๆได้เหมือนกัน
 
   
นกแก้ว  (Shuka, Parrot)
พระองค์ทรงโปรดนกแก้วยามที่มันพูดเลียนเสียงผู้คน มันจะคอยเกาะอยู่บนพระหัตถ์ของพระพิฆเนศ คอยทักทายผู้ศรัทธาที่แวะเวียนกันเข้ามา 
 
   
สับปะรด (Ananasa, Pineapple)
พระองค์พร้อมที่จะแบ่งปันสับปะรดให้กับผู้ที่ศรัทธา  รวมทั้งอำนวยพรให้ทุกคนมีสติปัญญาความรู้เสมือนดวงตานับพันของสับปะรด
 
   
นูมุสิกะ  (Mushika, Mousel)
หนูมุสิกะเป็นพาหนะขององค์พระพิฆเนศ  แสดงถึงความเมตตาของพระองค์ต่อสัตว์ตัวเล็กๆ โดยทรงรับหนุเป็นบริวาร  คอยช่วยกัดทำลายอุปสรรคนานาประการ
 
   
ัมโพทร  (Lambodara, Big Belly)
พระองค์ทรงมีพระนาภีอันอวบอ้วน  เชื่อกันว่าทุกจักรวาลอยู่ในพระนาภีของพระองค์  แสดงถึงความอุดมสมบุรณ์ของโลกา
 
   
ครื่องหมายสวัสดิกะ (Swastika, Mark of Auspiciousness)
พระองค์ทรงเป็นผู้ปกปักรักษาทั้งสามโลก สัญลักษณ์ที่โค้งงอเหมือนพระกรของพระองค์  แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ดูแลทั่วทั้ง 4 ทิศ
 
   
ะนาว  (Jambira, Lime)
พระองค์ทรงโปรดปรานการดื่มน้ำจากผลมะนาว  เชื่อว่าผลไม้ชนิดนี้เป็นตัวแทนของความสดชื่นของชีวิต
 
   
อม  (Aum, Cosmic Sound)
โอม เป็นเสียงต่ำ และถือเป็นปฐมบทของศูนย์กลางแห่ง
Nilapadma, Blue Water Lily
มนตราของจักรวาล
 
   
งวงช้าง  (Shunda, Elephant Trunk)
งวงช้างที่มีขนาดใหญ่และดูทรงอำนาจ  แทนความรักของพระองค์  ที่จะมอบพรให้กับผู้ศรัทธา
 
   
อกลิลลี่สีฟ้า  (Nilapadma, Blue Water Liliy)
พระองค์มักจะประทับนั่งริมสระน้ำที่เต็มไปด้วยดอกลิลลีสิฟ้า  เพื่อเฝ้าดูความเป็นไปของจักรวาล  และทั้งสามโลก
 
   
ขนุน  (Panasa Phala, Jackfruit)
พระองค์ทรงโปรดขนุน  โดยเฉพาะความเหนียวและความหอมหวานของเนื้อขนุน  นอกจากนี้ยังเปรียบถึงความเหนียวแน่นกลมเกลียวัน
 
   
ุ้มประตู  (Prabhavali, Fiery Arch)
บางครั้งพระองค์ทรงนั่งที่ซุ้มประตูแห่งเข้าไกรลาศ  เพื่อปกปักคุ้มครองรักษา รวมทั้งปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไม่ให้สามารถกร้ำกรายเข้าไปยังภายในประตูได้
 
   
ผลทับทิม  (Dadima, Pomegranate)
ทับทิมแดง  เป็นผลไม้ที่พระองค์โปรดปรานมาก  ให้ความหมายถึง  ความร่ำรวยและอุดมสมบูรณ์
 
   
ผลทับทิม  (Nagapasha, Snake Cord)
เรามักจะมองเห็นงูัตัวเล็กๆ  พันเป็นสร้อยสังวาลย์อยู่รอบพระวรกายขององค์พระพิฆเนศ  แสดงถึงความสง่างามขององค์เทพ  รวมทั้งคอยปกป้องพิทักษ์รักษาไม่ให้ภัยอันตรายใดๆกร้ำกรายเข้ามา
 
   
ผลมะขวิด  (Kapittha, Wood Apple)
ผลมะขวิดเป็นอีกผลไม้หนึ่งที่เป็นที่โปรดปรานของพระองค์  นับว่าเป็นสมุนไพรโบราณชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยโบราณ  เป็นสัญลักษณ์ของการมีสุขภาพที่ดี
 
   
นมลาดู  (Laddu, Milk Sweet)
พระพิฆเนศไม่เคยปฎิเสธชนมลาดูเลย  ลาดูเป็นขนมที่หอมหวาน  ทำมาจากแป้ง  น้ำนม  และน้ำตาล  มักจะเืืตือนผุ้คนให้รำลึกถึงครั้งที่วัยเยาว์ (วัยที่ชอบกินขนมหวาน)
 
   
ระเศียร  (Kavacha, Armor)
พระเศียรแห่งองค์พระพิฆเนศ  มิใช่ได้มาจากช้างธรรมดา  แต่เป็นเศียรหนึ่งของช้างเอราวัณอันทรงฤทธา  ที่ถูกสาบให้มาเกิดบนโลกมนุษย์  มีสัญลักษณ์รูปตรีศูลอยู่บนพระนลาฏ
 
   
ระจันทร์เสี้ยว  (Shashikala, Crescent Moon)
พระพิฆเนศไม่เคยปฎิเสธชนมลาดูเลย  ลาดูเป็นขนมที่หอมหวาน  ทำมาจากแป้ง  น้ำนม  และน้ำตาล  มักจะเืืตือนผุ้คนให้รำลึกถึงครั้งที่วัยเยาว์ (วัยที่ชอบกินขนมหวาน)
 
   
นตรา  (Gam Mantra)
พระองค์เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านมนตราและพระเวทย์  ได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์ให้ได้รับการบูชาเป็นลำดับแรกในการกระทำพิธีกรรมใดๆก็ตามในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
 
   
สังวาลย์  (Yajnopavita, Sacred Thread)
สร้อยสังวาลย์ที่พระองค์ทรงสวมใส่ไขว้กันอยู่นั้น  อยู่บนทั้งไหล่ขวาและซ้ายเสมอกัน  ย้ำเตือนว่าสรรพสิ่งไม่มีอะไรสูงต่ำ  ทุกสิ่งล้วนคือสมดุลแห่งธรรมชาติ
 
   
ูกชมพู่  (Jambu, Rose Apple)
พระองค์เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านมนตราและพระเวทย์  ได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์ให้ได้รับการบูชาเป็นลำดับแรกในการกระทำพิธีกรรมใดๆก็ตามในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
 
   
ขนมพุดดิ้ง  (Payasa, Pudding)
พระองค์เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านมนตราและพระเวทย์  ได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์ให้ได้รับการบูชาเป็นลำดับแรกในการกระทำพิธีกรรมใดๆก็ตามในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
 
   
ระชายาศักติ  (Sakti, Consort)
พระองค์มีพระชายาอยู่สองพระองค์  สะท้อนให้เห็นถึงครอบครัวที่อยู่ร่วมกันอย่างผาสุข  มีความสามัคคีปรองดอง
 
   
ลีบดอกไม้  (Muladhara Chakra, Base Center)
สัญลักษณ์ของคชสารบนกลีบดอกไม้  แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต  ดุจดั่งใบไ้ม้ที่ผลิบาน
 
   
รรณไม้ (Vriksha, Trees)
พระองค์ทรงประทานพืชพันธุ์ไม้นานาชนิดให้สู่มวลมนุษย์  เป็นทั้งอาหารและยารักษาโรค
 
   
New Page 1
 
   
     Facebook
     Instagram
     Youtube
     Or Click
     
     
 

Copyright 2016-2017, Pikanesuan.com.  All rights reserved.